แนวคิดเรื่องชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น
รูปภาพ www.oknation.net
เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน เขียนถึงธนาคารกรุงไทย ที่กำลังจะชักชวนพนักงาน ให้ร่วมใจกันลาจาก คือลาออกโดยสมัครใจ และจะได้ ผลประโยชน์พิเศษ ได้แนะนำไปว่า อย่าไปยื้อให้จ้างต่อเลย เพราะฐานะและความจำเป็น ทางธุรกิจบังคับให้ต้องทำ แต่ให้ ้ขอร้องธนาคาร ให้หาทางช่วยเหลือก่อนที่จะต้องพ้นไป ที่เรียกว่า Employee Assistance Program
มีคนโทรศัพท์มาหาดิฉันหลายราย บ้างก็ขอร้อง ให้เขียนรายละเอียดของแต่ละแผน บ้างบอกว่าช้าไปแล้วรวมทั้งต่อว่า ว่าไม่วางตัว เป็นกลาง ชี้โพรงให้กระรอก เดี๋ยวก็ยุ่งหรอก ต้องขอบคุณ ทุกคนที่ติดต่อมา แต่อยากให้เข้าใจว่า ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งสิ้น เขียนตามที่รู้มา เคยอ่านมาและเคยทำมา หากแต่ละมุมมอง จะทำให้ เห็นแตกต่างไป ก็ยอมรับและวันนี้เลยอยากเขียนเพิ่ม เพราะน่าจะเป็นประโยชน์ แต่ไม่ได้มุ่งว่าต้องเป็นธนาคารกรุงไทยเท่านั้น ที่ควรนำไป ปรับใช้วิธีการที่จะกล่าวต่อไปนี้ อาจใช้ในภาวะปกติก็ได้
- การมีชั่วโมงทำงานยืดหยุ่น คือการที่กำหนดว่าพนักงานไม่จำเป็นต้องมาเริ่มงานพร้อมกัน บางคนมาเช้า บางคนมาสาย มากลางวัน แต่ให้ นับชั่วโมงทำงานแทน เช่นต้องทำวันละ 8 ชั่วโมง จะมาตอนไหน นับให้ครบ 8 ก็ใช้ได้ วิธีนี้ช่วยประหยัดค่าล่วงเวลาได้ เพราะ มีคนทำงาน ตลอดเวลา แต่ไม่จำเป็นต้องทำเกินเวลา ควรใช้ในหน่วยงานที่ต้องทำล่วงเวลาตลอดและปริมาณงานไม่สม่ำเสมอ มาเป็นช่วงๆ คนทำงานก็ไม่เหนื่อยเกินไป
- ลดการทำงานให้เหลือน้อยวัน แต่จำนวนทำงานอาจไม่ลดในตัวรวม เช่น ต้องให้มีชั่วโมงทำงานครบ 40 ชั่วโมงในสัปดาห์ ก็ยอมให้ทำในห้าวัน แทนที่จะเป็นหกวันทำงาน วิธีนี้ พนักงานจะได้มีวันหยุดเพิ่ม ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ค่าใช้จ่าย นายจ้างก็ได้งานเท่าเดิม ประหยัดค่าสาธารณูประโภคด้วย
- ทำงานตามสะดวก วิธีนี้บ้านเรายังไม่ยอม คือพนักงานไม่ต้องมาปรากฏตัวที่ทำงานทุกวัน แต่ให้มาตามความจำเป็น โดยลักษณะงาน ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีบางคนที่ไม่ต้องติดต่อกับคนอื่นมากนัก ก็ให้ทำงานที่บ้านหรือที่ๆ สะดวกของเขา วิธีนี้ใช้ไม่ได้กับทุกคน คนที่จะได้รับอนุญาตต้องเป็นคนมีวินัยสูง ห้ามไปทำงานที่อื่น (Moonlight Job) หากจับได้มีโทษหนักทั้งพนักงานและนายจ้าง จะลด ค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อย ที่ต่างประเทศเขาได้รับความนิยมพอสมควร
- ลดชั่วโมงทำงานของแต่ละคน ถือเป็นพนักงาน Part time แต่ต้องจ้างคนให้ครบชั่วโมง และลดค่าจ้างของแต่ละคนลงไป วิธีนี้ หากจัดให้ดีอาจมีการจ้างคนได้โดยไม่ต้องเลิกจ้างและเสียค่าจ้างเท่าเดิม ขึ้นกับว่า พนักงานจะยอมเสียสละเพื่อเพื่อนหรือไม่ สวัสดิการก็ต้องจ่ายตามสัดส่วนด้วย วิธีนี้น่าใช้เมื่อมีวิกฤติ แต่อยากรักษาขวัญของพนักงานให้คงระดับ
- การแชร์งาน (Job Sharing) คือการที่ให้มีพนักงานสองคนทำงานชิ้นเดียวกันแต่ต่างเวลา คล้ายข้อ 4 แต่เป็นพนักงานประจำ เพียงแต่ ทำงานสลับกัน ค่าจ้างก็หารครึ่งออกไปเช่นเดียวกัน ต้องให้พนักงานยินยอมเพราะผลประโยชน์เขากระทบกระเทือน แต่ไม่มีใครตกงาน วิธีนี้ ก็ยังไม่ใช้ในบ้านเรา แต่ที่อเมริกาตอนที่เขามีวิกฤติเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว เขาใช้วิธีนี้แก้ปัญหาการว่างงาน
ยังมีอีกสองสามวิธี แต่ก็มาใช้บ้างในบ้านเรา ที่นิยมกันมากก็คือการเกษียนก่อนกำหนด ซึ่งถ้าจะให้วิเคราะห์ ก็ต้องยอมรับว่า วิธีนี้ดี ต่อพนักงาน เพราะได้เงินก้อนไปก่อน ทั้งนี้ขึ้นกับข้อเสนอของนายจ้างว่า จะสามารถจ่ายได้มากแค่ไหน และแน่นอน เป็นภาระที่หนัก ต่อนายจ้าง ทีเดียว ต้องจ่าย ค่าจ้าง ล่วงหน้า เป็นปีๆ ผลดีเกิดในอนาคต ภาระหนักเฉพาะหน้า ส่วนวิธีนี้อื่นกฏหมายบ้านเรา อาจไม่เปิดช่อง ให้นายจ้างมากนัก เพราะระบบสวัสดิการ สังคมของเรายังไม่พร้อมที่จะรองรับ กองทุนยังไม่เพียงพอ หากหวังพึ่งประกันสังคมอดตายแน่ บางวิธี ต้องอาศัย ความเห็นชอบ ของลูกจ้าง ซึ่งยากที่จะได้ จึงไม่นำมากล่าวเสนอแนะ
รูปภาพ http://moneyhub.in.th
นายจ้างบ้านเรายังมีน้อยรายที่จะกล้าลุกขึ้นมาทำสิ่งใหม่ๆ ไม่กล้าริเริ่มวิธีที่ไม่มีใครเคยทำ ได้แต่เอาอย่างกัน เลยต้องจ่ายแพง แต่ผลดี ก็ตกเป็นของ ลูกจ้าง การเกษียนก่อนกำหนด จึงได้รับความนิยมจากแทบทุกวงการ ขณะเดียวกัน ลูกจ้าง ก็ไม่ค่อยเรียกร้อง ความช่วยเหลือ ตาม EAP เท่าใด เพราะไม่เห็นความจำเป็น เนื่องจากระบบครอบครัวยังมีความเอื้ออาทรต่อกันค่อนข้างสูง ยังเกาะกลุ่มกันอยู่ ไม่ใช่ ครอบครัวเดี่ยว แบบฝรั่ง
แต่จะโทษนายจ้างฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก อยากจะย้ำหัวตะปูไปที่นักบริหารบุคคลด้วย หากแต่ละคนมีความเป็นมืออาชีพ คุณนั่นแหละ ที่ต้อง เป็นฝ่ายเสนอแนะ ให้ผู้บริหารใช้วิธีอื่นเสียบ้าง แต่ไม่ใช่หาวิธีเลี่ยงให้จ่ายถูกที่สุดนะ ทางเลือกมีมากมาย ทำไม ไม่ลุกขึ้นมา ทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงใหม่ แต่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย มีคนเคยปรับทุกข์กับดิฉันว่า เสนอนายไปห้าร้อยวิธี เขาไม่สนใจเลย บอกว่าไม่มั่นใจ ขอให้ ตามคน อื่นดีกว่า หรือไม่ก็ฝ่ายบุคคลโดนด้วย เลยเสนอวิธีที่ตนเองจะได้มากที่สุด ฉะนั้น เราจึงได้ข่าวว่านายจ้างใช้วิธีเกษียนก่อนกำหนด แต่มีเงินไม่พอจ่าย ต้องให้ลูกจ้างไปฟ้องร้องเอาจากศาลแรงงาน คดีจึงรกศาลมากเป็นพิเศษในช่วงสองปีมานี้
สัญญาณของโอกาสมีมาบ้างประปราย ข้อเสนอทางเลือกวันนี้อาจมีความจำเป็นในการใช้น้อยลงบ้างแล้ว แต่หากยังไม่ฟื้นไข้ดี วิธีเหล่านี้ ยังพอมีประโยชน์อยู่ และไม่ต้องทำให้ใครตกงาน ไม่เพิ่มปัญหาสังคม ช่วยรัฐรักษาอัตราผู้มีงานทำให้มากเข้าไว้ ความเชื่อมั่นจะได้เกิด ปีหน้าจะได้น่าต้อนรับให้สมกับปีสหัสวรรษใหม่
บทความของ http://www.nationejobs.com/content/tiptools/howto/template.php?conno=38
Comments