เลือกแอร์บ้านให้เหมาะกับการใช้งาน


ภาพ https://www.mitsubishi-kyw.co.th/Download/Total.aspx

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวไทย steemit ทุกท่าน
วันนี้วันที่ 22 ครับเป็นวันคุ้มครองโลก 2561 "Earth Day 2018 Thailand" เพื่อให้เข้ากับอากาศที่ร้อนสุดใจ แล้วยังช่วยกันรักโลกได้อีกด้วย เรื่องที่ผมเขียนแล้วจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆได้มากที่สุด ก็น่าจะเป็นเรื่องการเลือกซื้อแอร์บ้านอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน เรื่องนี้หละเหมาะสุดหละ แอร์รุ่นใหม่ๆมีน้ำยาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ถ้าเลือกใช้แอร์อย่างเหมาะสมก็ช่วยลดการใช้พลังงานด้วยนะครับ


ภาพ pixabay.com

จากประสบการณ์เด็กล้างแอร์เก่า และข้อมูลที่หามาได้ ถ้าอ่านที่ผมพิมพ์ไม่เข้าใจก็สามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก wemall.com ด้วย ก็น่าจะเข้าใจง่ายขึ้น ข้อมูลตรงตามที่ผมจะนำเสนอเลย
แอร์บ้าน นอกจากเรื่องของขนาด การดีไซน์ แล้วก็อัตราการกินไฟ หลายคนคงจะลืม เรื่องของการดูแลรักษาว่าแอร์ที่ทางร้านเสนอขาย ให้เรานั้นการดูแลรักษานี้เป็นอย่างไร

ก่อนอื่นมารู้ก่อนว่าแอร์บ้านเรา มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบครับ คือ

  • แอร์ที่ “ไม่มี” อินเวอร์เตอร์ คอมฯจะทำความเย็นให้เย็นกว่าอุณหภูมิที่ตั้งไว้ประมาณ 3-4 องศา เมื่ออุณหภูมิห้องเย็นกว่าอุณหภูมิที่กำหนด ระบบจะสั่งการตัดไฟคอมฯทันที และเมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่ตั้งไว้ ระบบจะสั่งคอมฯให้ทำงานอีกครั้งเพื่อลงอุณหภูมิลงอีกครั้งไปเรื่อยๆ แบบนี้ระบบเขาใช้ไฟ AC ในการทำงานครับ ส่วน
  • แอร์ที่ “มี” อินเวอร์เตอร์ ระบบจะเร่งความเร็วมอเตอร์คอมฯเมื่อต้องการทำความเย็นตามที่กำหนด และลดรอบมอเตอร์ลงเมื่ออุณหภูมิห้องเย็นกว่าที่กำหนดเล็กน้อย ซึ่งคอมฯก็ยังคงทำงานโดยลดรอบลงจนอยู่ในสถานะแทบจะหยุดหมุนเลยก็ว่าได้ และเมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่ตั้งไว้ประมาณ 1-2 องศา คอมฯจะค่อยเร่งการทำงานมากขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิลง จึงทำให้อุณหภูมิโดยรวมในห้องใกล้เคียงกับอุณหภูมิที่ผู้ใช้งานตั้งไว้มากกว่าแอร์แบบไม่มีอินเวอร์เตอร์ สาเหตุนี้หละครับที่ทำให้ประหยัดไฟ เพราะไม่มีการกระชากของไฟ และที่สำคัญ ระบบนี้เขาจะแปลงไฟเลี้ยงระบบเป็นไฟ DC ครับ
    ** คอมที่ว่านี้คือคอมเพรสเซอร์นะครับ


ภาพ http://www.wemall.com/blog/924/inverter/

ข้อดีและข้อเสีย

  • แอร์ที่ “ไม่มี” อินเวอร์เตอร์

    • ข้อดี :
      ราคาแอร์ถูกกว่าอย่างชัดเจน
      ระบบการทำงานภายในที่ซับซ้อนน้อยกว่า เวลาถอดซ่อมประกอบก็เป็นไปอย่างง่ายครับ
      ค่าบริการติดตั้ง ก็มักจะถูกกว่าครับ เพราะความผิดผลาดนี้เกิดได้น้อย ช่างเสี่ยงน้อยครับ
    • ข้อเสีย :
      มีการกินไฟสูง ยิ่งในช่วงสตาร์ทคอมเพรสเซอร์ จนอาจเกิดอาการไฟกระชาก ซ่อมบำรุงไม่ดีอัคคีภัยเกิดได้นะครับ
      ทำอุณหภูมิค่อนข้างไม่คงที่ อาจจะเย็นเกินไปหรือร้อนเกินไปบ้างตามจังหวะการทำงานของคอมเพรสเซอร์
  • แอร์ที่ “มี” อินเวอร์เตอร์

    • ข้อดี :
      รักษาอุณหภูมิได้ค่อนข้างคงที่ ไม่หนาวหรือร้อนไปกว่าที่ตั้งไว้มากนัก
      ประหยัดไฟ เดินเครื่องเงียบ ไม่เกิดอาการไฟกระชาก
    • ข้อเสีย :
      ราคาแอร์ที่สูงกว่าแอร์ที่ไม่มีอินเวอร์เตอร์
      ระบบภายในซับซ้อนกว่า ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงกว่า เพราะความเสี่ยงเยอะครับ ตั้งแต่ประกอบหละ ถ้าผลาดมานี้หลายตังระบบก็เยอะ แก้ไขได้เองค่อนข้างยาก ช่างส่วนใหญ่ซ่อมไม่ได้ มักเปลี่ยนอย่างเดี่ยวครับ

แล้วเราควรใช้แอร์แบบไหนหละ ?

  • แอร์ที่ “ไม่มี” อินเวอร์เตอร์ เหมาะกับห้องที่ไม่ค่อยใช้งานแอร์บ่อยมากนักเพราะจุดคุ้มทุนของค่าไฟที่ประหยัดลงไปเมื่อเปรียบเทียบกับราคาแอร์ที่ต้องจ่ายเพิ่มแล้วอาจจะไม่คุ้มค่า นิยมใช้งานในสถานที่ที่ต้องการทำความเย็นโดยไม่เน้นความเที่ยงตรงของอุณหภูมิ เช่น ห้องนั่งเล่น เป็นต้น
  • แอร์ที่ “มี” อินเวอร์เตอร์ เหมาะสำหรับห้องที่เปิดใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมง, ห้องที่ต้องการความเงียบ และต้องการรักษาอุณหภูมิห้องอย่างสม่ำเสมอ เช่น ห้องนอน, ห้องทำงาน, หรือห้องอ่านหนังสือ เป็นต้น

ก็สรุปได้ว่า
แอร์ที่มีอินเวอร์เตอร์นั้นมีข้อดี ได้เปรียบในแง่ของประสิทธิภาพและเสียงที่เงียบ ส่วนแอร์ธรรมดานั้นถ้าเพียงพอกับการใช้งานอยู่แล้ว ก็ช่วยประหยัดงบประมาณได้พอสมควร (ราคาถูกกว่าเยอะ) แต่เราก็จะต้องจ่ายค่าไฟมากกว่าแอร์ที่มีอินเวอร์เตอร์ในระยะยาว มันก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกแบบไหน ก็หวังว่าพี่น้องชาว steemit จะได้ประโยชน์จากบทความไม่มากก็น้อย

สามารถติดตามผลงานช่างบัติได้ทาง เพจสุดใจแอร์คลูได้นะครับ (บางทีผมก็รับจ๊อบไปช่วยพี่เขาล้างแอร์ด้วย)
https://www.facebook.com/sudjaiaircool/?ref=bookmarks


โชคดีมีตังใช้ทุกคนครับ สวัสดีครับ